วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

My Image

เคยรู้สึกกันไหมว่าตั้งแต่จำความได้เราเข้าสังคมได้อย่างไร บางครั้งเราอาจจะลืมไปแล้วว่าเราเข้าหาเพื่อนในสมัยอนุบาลด้วยวิธีไหน ใช่...ตัวผู้เขียนเองก็ไม่สามารถจำได้เหมือนกัน แต่เท่าที่รู้สึกมันเหมือนกับว่า "ยิ่งเราโตขึ้น ภาพลักษณ์ของเราก็ยิ่งสำคัญมากขึ้น"


ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนในช่วงที่ผู้เขียนได้เข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษา แน่นอนว่าต้องมีสังคมใหม่เพราะตัวผู้เขียนเองไม่ได้เรียนที่โรงเรียนเดิม เพื่อนคนแรกในห้องนั้นกลายมาเป็นเพื่อนรักในวันนี้ มันเป็นเรื่องที่ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งอบอุ่นหัวใจจริงๆ ลองนึกถึงเรื่องของตัวเองดูสิว่ามันมีความสุขแค่ไหน...ในอดีต

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ผู้เขียนได้เข้าสู่วัยทำงานแล้ว จริงๆก็อยู่ในช่วงวัยนี้มานานหลายปีแล้วล่ะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาก็มากมาย สามารถทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง ยิ่งทำยิ่งพัฒนา ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนยังไม่สามารถก้าวข้ามไปได้...


ผู้เขียนเกิดจากครอบครัวระดับล่างที่พ่อแม่มีอาชีพรับจ้าง ซึ่งส่งผลให้ผู้เขียนได้กลายเป็นคนง่ายๆสบายๆ แต่ขอบอกเลยว่าครอบครัวสอนเรื่องมารยาทมาอย่างดีมาก การวางตัวของผู้เขียนเองถ้าให้ประเมินด้วยตัวเองก็คงต้องบอกว่าดีพอสมควร รู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี แต่แค่นั้นมันไม่พอหรอกจริงไหม?

เพราะหลายครั้งผู้เขียนสังเกตเห็นคู่สนทนาบางคน รู้สึกไม่ค่อยเต็มใจจะคุยกับผู้เขียนสักเท่าไหร่ หลายครั้งที่พลาดงานไปเพราะสิ่งๆหนึ่งที่ผู้เขียนปฏิเสธมันมาตลอด ใช่! มันคือ "ภาพลักษณ์" ผู้เขียนไม่ใช่คนที่พิถีพิถันกับการแต่งตัวสักเท่าไหร่ หยิบอะไรได้ก็ใส่ๆไป และมีเสื้อผ้าน้อยมากๆ บางครั้งออกไปทานข้าวกับแม่ แม่ยังกุมขมับกับการแต่งตัวของผู้เขียนเลยให้ตายสิ


ครั้งหนึ่ง... มีรุ่นพี่ได้มาแนะนำงานๆหนึ่งให้กับผู้เขียน แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องแต่งตัวให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะในสังคมนั้นมีแต่ระดับเจ้าของกิจการทั้งนั้น ให้ตายเถอะแค่โจทย์ก็แย่แล้ว แล้วจะใส่อะไปล่ะในเมื่อเสื้อผ้าแต่ละชิ้นที่มีมันแย่ๆทั้งนั้น แน่นอนสิ... ก็ต้องซื้อ

ผู้เขียนลงทุนไปเดินช็อปปิ้งหาซื้อเสื้อผ้าเลยนะ แล้วก็ไปเจอชุดที่ต้องการจริงๆด้วย ตอนแรกก็ไม่มั่นใจที่จะใส่มันเท่าไหร่หรอก เพราะมันดูเวอร์มาก(สำหรับผู้เขียนนะ) ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ชุดกระโปรงสีกรมท่าธรรมดา แต่สำหรับคนไม่ชอบแต่งตัวอย่างผู้เขียนมันดูเวอร์จริงๆนะ แค่นั้นยังไม่พอยังมีรองเท้าส้นสูงอีก โอยยยยยย... มันสวยมาก มันสวยจริงๆนะ เป็นรองเท้าแบบที่ผู้หญิงเขาใส่กันนั่นแหละ คัทชูหัวแหลมมีสายไขว้ไปมา สีบรอนซ์เงิน...(เวอร์วังอลังการไหมล่ะ?)


แล้ววันนัดก็มาถึง ผู้เขียนลงทุนตื่นตี 3 เพื่อที่จะได้ไปเซ็ทผมกับช่างแถวบ้าน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ต้องทำผมเพื่อออกงาน เชื่อไหมว่าหลังจากที่แต่งหน้าทำผมพร้อมสวมชุดที่ซื้อมาใหม่แล้ว มันเหมือนกับเป็นคนละคนเลย มองในกระจกแล้วก็ได้แต่ถามตัวเองว่า... นั่นเราจริงๆเหรอ ทำไมมันสวยอย่างนี้(ตอนนั้นคิดแบบนั้นจริงๆนะ)

พอไปถึงงานบอกตรงๆว่ารู้สึกประหม่ามาก ไม่ชินกับอะไรแบบนี้เลย อาจจะเพราะเรายังใหม่กับสังคมประเภทนี้ก็ได้ หลายคนมองเราแบบชื่นชม และหลายคนก็ได้เข้ามาทำความรู้จัก ตอนนั้นผู้เขียนรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกับเมื่อวานเลย แล้วงานวันนั้นก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกคนในงานไม่มีใครแสดงกริยาบางอย่างที่ผู้เขียนเคยพบเจอและไม่ชอบสักคน

และนั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆที่ทำให้ผู้เขียนหันกลับมาส่องกระจกอีกครั้ง พิจารณาตัวเองอีกครั้ง และถามตัวเองอีกครั้งว่า... เราจะเปลี่ยนได้หรือยัง!

ติดตามอ่านต่อได้ในตอนถัดไปค่ะ :)

PS. ภาพทุกภาพเป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น ขอบคุณ Pixabay

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น